Tag: ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์

วันที่ 26 ก.ย.2565 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงระบุการเคลื่อนไหวชุมนุม หากไม่พอใจรัฐบาลให้ใจเย็นๆ เพราะจะเลือกตั้งแล้ว หากมีการชุมนุมเคลื่อนไหวมาก ระวังอาจไม่มีเลือกตั้งว่า ยอมรับว่าเมื่อวันเสาร์ที่ 24 ก.ย. ให้สัมภาษณ์เรื่องการชุมนุม ในฐานะรัฐมนตรี ในฐานะนักการเมือง ก็แค่เตือนประชาชน หากมีการเคลื่อนไหวในวันที่ 30 ก.ย.นี้ มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดี กังวลว่าจะไม่ได้เลือกตั้ง หากมีความวุ่นวายอาจซ้ำรอยอดีตปี 2556-2557 ในวันที่ กปปส.เดินขบวน สร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง และที่สุดก็มีการปฏิวัติ จึงกังวลว่าหากมีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นในวันที่ 30 ก.ย.นี้ จึงมองว่าเป็นเรื่องที่น่าห่วง “ผมไม่ได้ขู่ แค่เตือน ถ้าไม่อยากให้บ้านเมืองวุ่นวาย อย่าออกมาเคลื่อนไหวมากนัก หากไม่พอใจรัฐบาล อยากให้ใจเย็นๆ อีกไม่กี่เดือนจะถึงช่วงเลือกตั้งแล้ว ถ้าเคลื่อนไหวมากๆ ระวังจะไม่ได้เลือกตั้งนะ ผมพูดจริงๆคำนี้ แต่ห่วงสถานการณ์บ้านเมือง เพราะอดีตเมืองไทยเคยเกิดขึ้น ขณะนี้กฏหมายเลือกตั้งก็ยังไม่เสร็จ หากมีม็อบ มีปฏิวัติ ก็จะไม่ได้เลือกตั้งอีกยาว แต่เรื่องนี้ขอบอกว่าการปฏิวัติไม่ได้เกิดจาก 3 ป. นะ 3 […]

เวลา 11.30 น. วันที่ 3 ก.ค. 2565 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์กรณีสายสื่อสารที่จะมีการไปพูดคุยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ว่า การจัดระเบียบสายสื่อสารแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ ส่วนที่ทำร่วมกับทางการไฟฟ้า เพราะสายอยู่บนเสาไฟฟ้า และผู้บริการอินเทอร์เน็ตจะต้องรื้อสายที่ไม่ใช้ออก ซึ่งขณะนี้เขาก็ดำเนินการกันอยู่แล้ว ส่วนที่สอง คือต้องประสานกับผู้ว่าฯ กทม. เพื่อเอาสายลงใต้ดิน เพราะต้องขออนุญาตใช้ทางฟุตบาธ และกทม.ดูแลอยู่ ฉะนั้น การสร้างสายสื่อสารใต้ดินจะต้องร่วมมือกัน และมาดูว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายเป็นอย่างไร โดยคนที่จะมาใช้ต้องจ่ายค่าเช่าในการใช้บริการท่อด้วย ซึ่งผู้ใช้บริการจะกำกับดูแลด้วย รัฐบาลได้มอบสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นเจ้าภาพเรื่องนี้อยู่แล้ว ตนก็เป็นตัวแทนของฝ่ายรัฐบาลที่มาประสานงานให้สามารถนำท่อลงใต้ดิน และสายไฟฟ้าลงท่อใต้ดินให้ได้มากที่สุด นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (4 ก.ค.) จะมีหน่วยงาน อาทิ กสทช. ผู้ให้บริการบางรายที่ได้เชิญมา การไฟฟ้านครหลวง และตน พร้อมด้วยผู้ว่าฯ กทม. เบื้องต้นเป็นการพูดถึงแนวทางการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน […]

วันที่ 26 พ.ค.65 ที่รัฐสภา นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงคะแนนนิยมพรรคภายหลังการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร(ส.ก.) ว่า ผู้บริหารพรรคมีมติให้ปรับปรุงนโยบาย รับฟังเสียงประชาชน ปรับปรุงการทำงานของพรรคหลายด้าน อย่างการประชาสัมพันธ์ ยอมรับว่าที่ผ่านมาบางนโยบายยังไม่ถูกใจพี่น้องประชาชน จากนี้ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น ต้องมีนโยบายใหม่ๆ มีแนวทางการทำงานใหม่เพื่อให้พรรคเข้มแข็ง ทันสมัย ตรงกับความต้องการประชาชน ให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นศรัทธาในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ก่อนการเลือกตั้ง เมื่อถามว่าในสนามเลือกตั้งครั้งหน้าชื่อของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะยังขายได้หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลา หากปรับปรุงการทำงานแล้ว มีนโยบายใหม่ๆ ก็ค่อยว่ากันอีกที ว่าจะเดินหน้าอย่างไรสำหรับการเลือกตั้ง เป็นเรื่องของอนาคต เรื่องหลักตอนนี้คือการทำนโยบายให้ตรงตามความต้องการของประชาชน ทำงานให้ดีขึ้น เมื่อถามถึงการที่พรรคพลังประชารัฐลบโพสต์นโยบายออก นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องเลย โซเชียลมีเดียของพรรคทำมาตลอด แค่เรามองว่าวันนี้การสื่อสารให้ประชาชนทราบหรือเข้าใจ ยังไม่ได้เท่าที่ควร เราก็มีการปรับปรุงเท่านั้นเอง ตอนนี้อยู่ระหว่างการตั้งทีมงานมาทำเรื่องนี้ พรรคการเมืองก็เป็นแบบนี้ มีคนเก่าออกไปมีคนใหม่เข้ามา มีนโยบายใหม่ๆ เข้ามา มีคนใหม่มาเสริมทีมนี่คือสิ่งที่เราจะทำ ใครที่เป็นของเก่าเราก็ปรับเปลี่ยนไป พรรคการเมืองต้องเปลี่ยนไปตามเศรษฐกิจ สังคม และกลุ่มคนที่เข้ามาทำงาน อะไรดีก็ทำ […]

วันที่ 3 ต.ค.64 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โพสต์ระบุว่า ผมได้กำชับกรมอุตุนิยมวิทยาให้เฝ้าระวัง และรายงานผมอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือ เตือนภัย และช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ในวันนี้ผมได้รับรายงานมาว่าในช่วงปลายสัปดาห์หน้า อาจมีพายุลูกใหม่เข้าสู่ประเทศไทยครับ จากการคาดการณ์เบื้องต้นคาดว่าจะอยู่ในช่วงระหว่างวันที่ 8-10 ตุลาคม โดยจากภาพกราฟิกที่เราเห็นอยู่ในขณะนี้ ยังคงเห็นเป็นเพียงแค่หย่อมความกดอากาศต่ำ ที่อยู่ในบริเวณประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเรากำลังเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ว่าจะมีการพัฒนาขึ้นไปเป็นพายุหรือไม่ รายละเอียดที่แน่ชัดน่าจะพอทราบความชัดเจนได้ในช่วงวันที่ 4-5 ตุลาคมนี้ครับ อย่างไรก็ตาม เมื่อทราบความชัดเจนแล้ว ผมจะรีบนำรายละเอียดมาแจ้งให้ทราบอย่างเร่งด่วนครับ ขณะที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ ในช่วงวันที่ 3 – 4 ต.ค. 64 ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมประเทศไทย ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ส่งผลทำให้บริเวณประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก ส่วนในช่วงวันที่ 5 – 9 ต.ค. 64 ร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน […]

วันที่ 3 ต.ค.64 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า เป็นอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจเลือกคนเหมาะสม จะเป็นคนในหรือคนนอกพรรคขึ้นอยู่กับนายกฯ ส่วนพรรคพปชร.ยืนยันไม่มีแรงกระเพื่อม ทั้งกรรมการบริหารพรรคและส.ส.ทำงานกันด้วยดีไม่มีปัญหาทั้งสิ้น นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า คนในพรรคยืนยันจะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯคนต่อไป และไม่อยากให้นำกรณี พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์พปชร.ที่จะย้ายพรรคมาเป็นประเด็น เพราะบางคนอาจจะเคลื่อนไหว เพื่อเรียกร้องบางสิ่งบางอย่าง และอาจไม่สมหวังก็มีการสร้างข่าวสร้างกระแสขึ้นมา

วันนี้ (21 ก.ค.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ขอความกรุณาสำหรับกลุ่มดารา นักแสดง รวมถึง อินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะที่ประชาชนรักและศรัทธา อย่าใช้โซเชียลมีเดียเคลื่อนไหวทางการเมืองโจมตีรัฐบาล เพราะสิ่งที่ทำเป็นการบิดเบือนข้อมูล เป็นการสร้างเฟคนิวส์ขึ้นในระบบโซเชียลมีเดีย จากกรณีสถานการณ์การชุมนุมเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา และมีการโพสต์หรือส่งต่อข้อความที่เข้าข่ายการกระทำความผิด ศูนย์เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์การชุมนุมและใช้โซเชียลมีเดีย กระทรวงดิจิทัลฯ พบว่ามีการโพสต์หรือแชร์ข้อความที่เข้าข่ายการกระทำความผิด ทั้งหมด 147 ราย ประกอบด้วย จากเฟซบุ๊ก 15 ราย ทวิตเตอร์ 132 ราย ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการตามข้อกฎหมายต่อไป สำหรับการโพสต์หรือแชร์ข้อความผิดกฎหมายลงในระบบคอมพิวเตอร์/ผ่านโซเซียล จะมีโทษ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ม.14 (3) การนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดใดอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ […]

วันที่ 17 พ.ค.64 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงกรณีเพจดัง แชร์ข้อมูลโรงพยาบาลสนามบุษราคัม ว่าใช้งบประมาณ 239,280,000 บาท ทำได้ 1,092 เตียง เฉลี่ยเตียงละ 220,000 บาท เปรียบเทียบโรงพยาบาลสนามของพิมรี่พาย เน็ตไอดอลชื่อดัง ใช้งบประมาณ 170,000 บาท แต่ได้ถึง 50 เตียง เฉลี่ยเตียงละ 3,400 บาท จนเกิดเสียงวิจารณ์กว้างขวาง ว่า หน่วยงานกระทรวงดิจิทัลฯ ตรวจสอบพบว่ามีความพยายามเชื่อมโยงให้เกิดความเข้าใจผิดถึงการดำเนินการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามของรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งภาครัฐและภาคเอกชนต่างมีความตั้งใจดีเพื่อให้ประเทศพ้นวิกฤตโดยเร็ว แต่กลับมีขบวนการไม่หวังดี นำมาเปรียบเทียบ บิดเบือน เพื่อต้องการให้เกิดความแตกแยกขัดแย้ง ในส่วนของ พิมรี่พาย ที่นำเงินส่วนตัวมาสร้างโรงพยาบาลสนาม เป็นสิ่งดีที่ได้เสียสละช่วยประชาชนในยามลำบาก รัฐบาลก็ต้องขอบคุณความตั้งใจอันดี ที่ร่วมช่วยกันคนละเล็กคนละน้อยตามกำลังความสามารถที่พอจะช่วยได้ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ส่วนโรงพยาบาลสนามบุษราคัม จัดตั้งในลักษณะโรงพยาบาลถาวร ที่มีมาตรฐานพร้อมทางการแพทย์ มีอุปกรณ์เครื่องมือดูแลผู้ติดเชื้อ มีระบบดูแลความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์จากหลายจังหวัดจำนวนมากหมุนเวียนเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขสามารถชี้แจงรายละเอียดงบประมาณได้ทั้งหมด อีกทั้งภาพที่มีการแชร์เปรียบเทียบในขณะนี้ก็เป็นภาพเก่า ช่วงที่มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม […]

วันที่ 4 พ.ค.64 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงกรุ๊ปเฟซบุ๊ก “ย้ายประเทศกันเถอะ” ที่กำลังเป็นกระแสในสังคมออนไลน์ขณะนี้ว่า กระทรวงดีอีเอสได้รับการร้องเรียนถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าวมาเช่นกัน โดยผู้ร้องเรียนระบุว่า มีเนื้อหาสร้างความแตกแยกสร้างความเกลียดชัง และยังมีการแสดงความคิดเห็นเข้าข่ายหมิ่นสถาบัน อย่างไรก็ตาม เท่าที่ติดตามเบื้องต้นพบว่า เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นไปในเชิงแนะแนวการศึกษา และแนะนำแนวทางประกอบอาชีพในต่างประเทศ ซึ่งจริงๆก็เป็นเรื่องที่ดี และหน่วยงานภาครัฐเองก็มีการให้ข้อมูล และให้การสนับสนุนผู้ที่มีความพร้อมมาโดยตลอดอยู่แล้ว ทั้งในแง่การไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ทั้งกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงการต่างประเทศ เช่นเดียวกับการประกอบอาชีพที่มี กระทรวงแรงงาน เป็นผู้กำกับดูแล “เท่าที่ติดตามหลายๆโพสต์ก็เป็นเรื่องแนะแนวการศึกษา และการใช้ชีวิตในต่างประเทศ ที่แฝงด้วยประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะสมาชิกกลุ่มบางคนที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศก็มีพฤติกรรมชังชาติอยู่แล้ว ก็มีวัตถุประสงค์แอบแฝงเพื่อสร้างความแตกแยก และหมิ่นสถาบันเบื้องสูง กระทรวงดีอีเอสมีคณะทำงานเพื่อตรวจสอบและติดตามการกระทำความผิดในสังคมออนไลน์อยู่แล้ว ก็ได้กำชับไปให้ตรวจสอบดูว่ามีเนื้อหาที่ผิดกฎหมายหรือไม่ หากพบก็จะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด” นายชัยวุฒิ กล่าว นายชัยวุฒิ กล่าวว่า หากเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการศึกษาหรืออาชีพในต่างประเทศ รัฐบาลคงไม่ปิดกั้น เพราะถือเป็นสิทธิเสรีภาพของบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองโดยรัฐธรรมนูญ แต่ก็มีความเป็นห่วงในบางข้อความที่ไม่เหมาะสม อาทิ การแนะนำวิธีลักลอบเข้าเมือง หรือการอาศัยอยู่เกินกำหนดอย่างผิดกฎหมายหรือที่เรียกว่าโดดวีซ่า ถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม และอาจจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงการพิจารณาให้วีซ่าคนไทยของประเทศปลายทางในอนาคตด้วย ที่สำคัญยังเป็นห่วงว่า กลุ่มดังกล่าวอาจเป็นช่องทางของขบวนการมิจฉาชีพที่ใช้สังคมออนไลน์หลอกลวงให้มีการไปทำงานต่างประเทศที่ระบาดอย่างหนักในระยะหลัง […]

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวในงานปาฐกถาว่า โลกเราเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิทัล มีความพร้อมในการใช้อินเตอร์เน็ตอย่างแพร่หลาย ประชากรโลก 7.8 พันล้านคน มีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตกว่า 4.6 พันล้านคน หรือ 59.5% และทุกประเทศในโลก มีการพัฒนาส่งเสริมให้ประชาชนใช้อินเตอร์เน็ตอย่างแพร่หลาย ส่งผลให้มีการซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์มากมาย โดยปี 2021 มีคนซื้อสินค้าทางออนไลน์คิดเป็น 70% ขณะที่ 6.8% มีการค้นหาอิสระในการค้นหาสินค้าและบริการออนไลน์มากถึง 81.5% ทำให้สินค้าออฟไลน์ขายไม่ค่อยดี “ดังนั้นเราจะเริ่มมีการเก็บภาษีในระบบออนไลน์ เพราะถ้ารัฐเก็บภาษีไม่ได้ เอกชนที่แข่งขันแต่ไม่ขายออนไลน์ก็เดือดร้อน เพราะในออนไลน์ขายถูกกว่า” นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังทำให้ผู้ประกอบการคนไทยบางคนต้องใช้กลไกด้วยการไปจดทะเบียนที่สิงคโปร์ หรือประเทศอื่น ดังนั้น ราต้องมีการแข่งขันในมาตรฐานเดียวกัน ไม่งั้นคนไม่เสียภาษีก็ได้เปรียบ