เมื่อวันที่ 5 ก.พ.63 เวลา 07.30 น. ร.ต.อ.วิษณุ จันทะคัต รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองร้อยเอ็ด ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากนายหัด วินทะไชย อายุ 45 ปี ว่ามีเหตุลักทรัพย์ภายในรถกระบะ ที่จอดไว้ในบ้านพัก สูญเงินกว่า 50,000 บาท
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.00 น. ของวันที่ 5 ก.พ.63 ที่บ้านเลขที่ 76 ม.9 ต.สะอาดสมบูรณ์ อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด โดยมีนายหัด วินทะไชย เป็นผู้เสียหายได้เปิดเผยข้อมูลว่า ในช่วงเวลาประมาณ 00.00 น. ของวันที่ 5 ก.พ. ตนได้ยินเสียงกันขโมยดังมาจากรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน 8108 ร้อยเอ็ด ที่จอดอยู่ในโรงรถข้างบ้าน จึงได้เปิดหน้าต่างเพื่อมองดูที่รถกระบะแต่ก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ
จนกระทั่งในช่วงเช้าของวันที่ 5 ก.พ. เวลา 07.00 ตนได้แต่งตัวเพื่อจะออกไปทำงานในร้านวัสดุแห่งหนึ่งในตำบลสะอาดสมบูรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด ในระหว่างที่เปิดประตูรถกระบะเพื่อจะออกไปทำงาน ได้มองเห็นบริเวณกระจกประตูรถฝั่งคนนั่งข้างคนขับมีรอยแตกร้าวพังเสียหาย จึงได้รีบตรวจสอบถายในรถ ซึ่งก็พบว่ามีทรัพย์สินย์หายไปคือกระเป๋าสะพายข้าง ภายในมีเงินสดจำนวน 30,000 บาท แหวนทองคำ 1 สลึง จำนวน 1 วง ต่างหูทองคำหนัก 1 สลึง บัตรเอทีเอ็ม บัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน ตนจึงได้รีบเข้าแจ้งความกะบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองร้อยเอ็ดในเวลาต่อมา
จากการสอบถามนายหัด วินทะไชย ผู้เสียหายเล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนได้ขับรถไปทำงานที่ร้านขายวัสดุก่อสร้างแห่งหนึ่ง ในตำบลสะอาดสมบูรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด และได้ขับรถกลับมาจอดที่โรงรถข้างบ้าน ในเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 4 ก.พ. หลังจากนั้นตนก็เข้าพักหลับนอนภายในบ้าน
จนถึงช่วงเช้ามืดเวลาประมาณ 00.00 น.ของวันที่ 5 ก.พ ตนได้ยินเสียงจากสัญญาณกันขโมยดังขึ้น ตนจึงได้มาเปิดหน้าต่างเพื่อส่องดูรถกระบะก็ไม่พบความผิดปกติ ซึ่งก็คิดว่าสุนัขอาจจะวิ่งชน จนกระทั่งถึงช่วงเช้าของวันที่ 5 ก.พ. เวลาประมาณ 07.00 น. ตนได้มาขึ้นมาที่รถกระบะเพื่อจะขับขี่ไปทำงาน ซึ่งก็พบว่ากระจกประตูรถฝั่งนั่งข้างคนขับมีรอบแตกร้าวพังเสียหาย ตรวจสอบพบทรัพย์สินย์เสียหายหลายรายการ มูลค่ากว่า 50,000 บาท จึงได้รีบเดินทางไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีดังกล่าว
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สภ.เมืองร้อยเอ็ด ได้ออกตรวจสอบจุดเกิดเหตุเพื่อเก็บหลักฐานและสอบสวนพยานแวดล้อม ก่อนจะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฏหมาย