Tag: ไพบูลย์ นิติตะวัน

วันที่ 27 พฤษภาคม 2565 นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการลบนโยบายในเพจของพรรคพปชร. ว่า ตามที่ตนเคยให้สัมภาษณ์ว่าการลบนโยบายในเพจของพรรคพปชร.เพื่อปรับปรุงระบบโซเชียลมีเดียนั้น เป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไปตามข่าวที่ปรากฏ เนื่องจากทีมงานที่ดูแลเพจของพรรคพปชร. ได้ยืนยันว่า ตลอดมายังไม่เคยลบโพสต์ใดๆในเพจเลย และได้นำโพสต์ที่ลงในเพจตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2562 เป็นวันเดียวกันกับที่มีผู้แอบอ้างว่ามีการลบโพสต์หาเสียงของพรรค ซึ่งวันนั้นมีการโพสต์จำนวน 23 โพสต์ ยังปรากฏอยู่ในเพจ ไม่ได้มีการลบโพสต์ออก โดยโพสต์ที่ปรากฏส่วนใหญ่เป็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับนโยบายหาเสียงที่ลงไว้ในวันนั้น เนื้อหายังอยู่ครบถ้วนทั้งหมด รวมทั้งโพสต์ก่อนหน้าวันที่ 14 มีนาคม 2562 และโพสต์หลังจากวันนั้นจนถึงปัจจุบัน นายไพบูลย์ กล่าวว่า ส่วนที่ปรากฏเป็นข่าวออกมาว่าพรรคมีการลบโพสต์นโยบายหาเสียงออกจากเพจนั้น จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า เนื้อหาดังกล่าวไม่เคยโพสต์ในเพจพรรค อาจเป็นการจัดทำขึ้นและสร้างลิงก์ขึ้นมาเพื่อใส่ความว่าพรรคไปลบโพสต์ออก บิดเบือนให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดและทำให้พรรคเกิดความเสียหาย ยืนยันว่าพรรคไม่มีการลบโพสต์นโยบายหาเสียงและโพสต์ใดๆออกจากเพจของพรรค “หลังจากนี้จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ผู้ใดเป็นผู้จัดทำการตัดต่อภาพโพสต์และสร้างลิงก์ปลอมแปลงขึ้นมาเพื่อนำเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ตทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด หากตรวจสอบพบทางพรรคจะแจ้งความดำเนินคดีจนถึงที่สุดกับผู้ที่กระทำการดังกล่าวต่อไป”

วันที่ 25 พ.ค. 2565 นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวต่อประเด็นที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องของการลบนโยบาย ว่า ผู้บริหารพรรคมีมติจะปรับปรุงระบบโซเชียลเน็ตเวิร์กครั้งใหญ่ของพรรค ให้ทันสมัย และมีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งจะสามารถเชื่อมต่อกับผู้สมัครส.ส.ทั้งประเทศ ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า เป็นการเตรียมเลือกตั้งใหญ่ในครั้งหน้า และมันควรจะลบนโยบายนั้นออกตั้งนานแล้ว ส่วนในเรื่องนโยบายที่ผ่านมา บางนโยบายที่เราทำไม่ได้ เพราะทางพรรคไม่ได้ดูและกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับนโยบายนั้นๆ เช่น มารดาประชารัฐ เพราะพรรคอื่นดูแล ส่วนเรื่องค่าแรง หลังจากที่ สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เข้าไปดูแล ตอนนี้ก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามลำดับ “สิ่งที่ไม่ได้ระบุ แต่เราทำก็มากมาย เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการคนละครึ่งที่ผลักดันโดยพรรคร่วมรัฐบาล แต่ทั้งหมดขอย้ำว่า เพจที่ลบออกไปมันคือเพจโฆษณา ซึ่งมันควรจะลบออกหลังสิ้นสุดการโฆษณา 1 ปี” ไพบูลย์ กล่าว ขณะที่ทางด้านนโยบาย ไพบูลย์ ชี้แจงว่า ตอนนี้พรรคพลังประชารัฐได้มีนโยบายใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้น และจัดให้สอดรับกับกระทรวงที่ดูแลเพื่อให้เกิดผลประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ไพบูลย์ ชี้แจงอีกว่า การปรับกลยุทธ์โซเชียลเน็ตเวิร์กใหม่ เป็นนโยบายอันดับแรกในการบริหารพรรค ซึ่งจะได้เห็นความทันสมัยทั้งของทีมงาน กระบวนการ […]

วันที่ 20 มกราคม 2565 นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แถลงชี้แจง หลังพรรคพลังประชารัฐ มีมติขับ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า และ สส. รวมทั้งหมด 21 คน ออกจากพรรค โดย 63 เสียง จาก 78 เสียง เห็นชอบให้ขับออกจากพรรค ซึ่งที่ประชุมเกิดขึ้นเนื่องจาก ร้อยเอกธรรมนัส ได้มีการเสนอขอปรับโครงสร้างภายในพรรค โดยเฉพาะตำแหน่งสำคัญ แต่ไม่ขอตอบว่า เกี่ยวข้องกับเก้าอี้รัฐมนตรีหรือไม่ และที่ผ่านมา เคยมี พฤติกรรมลักษณะแบบนี้ แต่พักก็อดทนได้ แต่ครั้งนี้ถือเป็นการอดทนที่ถึงที่สุด และเป็นการตัดสินใจ ครั้งสำคัญนี้ ซึ่งพลเอกประวิตร ได้เสนอให้พิจารณา แต่ไม่ได้ออกความคิดเห็น ซึ่งคณะกรรมการบริหารพรรค เห็นว่า ถ้าไม่ตัดเนื้อร้ายออก จะทำให้พรรคสั่นคลอนและเกิดปัญหาไม่จบ เพราะที่ผ่านมา ภาพของพรรคพลังประชารัฐตั้งแต่มี ร้อยเอกธรรมนัส เข้ามามีแต่ความขัดแย้ง และการต่อรอง นายไพบูลย์ ยังกล่าวอีกว่า บทเรียนที่ได้จากการนำร้อยเอกธรรมนัส เข้ามาให้พรรคจนถึงการขับออก ถือเป็นวิวัฒนาการและก้าวสำคัญ […]

วันที่ 20 ตุลาคม 64 ศาลรัฐธรรมนูญ (รธน.) ได้นัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ ลงมติ และอ่านคำวินิจฉัย ในคดีที่ ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องขอของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จำนวน 60 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่าสมาชิกภาพ ส.ส. ของ ไพบูลย์ นิติตะวัน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (10) ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (5) หรือไม่ จากกรณีที่ ไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป และ ส.ส. บัญชีรายชื่อของพรรคประชาชนปฎิรูป ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หลังจากที่พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรค มาตรา 91 วรรคหนึ่ง (7) ทั้งที่ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูปอยู่จนกว่าการชำระบัญชีจะแล้วเสร็จ และมิได้เป็นผู้มีชื่อในบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง […]

วันที่ 22 ก.ย.2564 ศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจาปรึกษาหรือหรือลงมติพิจารณากรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายไพบูลย์ นิติตะวัน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (10) ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (5) หรือไม่ โดยนัดอ่านคำวินิจฉัยวันที่ 20 ต.ค.เวลา15.00 น.เป็นต้นไป โดยกรณีนี้ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 60 คน ซึ่งเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร เข้าชื่อร้องต่อประธานสภาฯ (ผู้ร้อง) ขอให้ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคหนึ่ง โดยมีประเด็นคือนายไพบูลย์ (ผู้ถูกร้อง) หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูปและส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคประชาชนปฏิรูป ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐหลังจากที่พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง60 มาตรา 91 วรรคหนึ่ง (7) ทั้งที่นายไพบูลย์ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูปอยู่จนกว่าการชำระบัญชีจะแล้วเสร็จ รวมถึงทางนายไพบูลย์เองก็ยังมิได้เป็นผู้มีชื่อในบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐที่ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ก่อนปิดการรับสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของนายไพบูลย์สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (10) […]

วันที่ 7 ก.ย. 2564 นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีการไลฟ์สดของพระมหาไพรวัลย์ และ พระมหาสมปอง นายไพบูลย์ กล่าวว่า ส่วนตัวมองไม่เหมาะสม เพราะพระสงฆ์กลายเป็นดารา เรื่องนี้พระธรรมวินัยห้ามไว้ ไม่ควรทำตัวเป็นดารา-นักแสดง ถ้าอยากจะเป็นดาราก็ควรจะลาสิกขาบท ส่วนที่หลายคนมองว่าเป็นวิธีที่ทำให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงธรรมะมากขึ้นนั้น นายไพบูลย์ กล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นก็ให้ดาราทำก็ได้ ก็พูดเหมือนกัน แต่เป็นพระภิกษุจะใช้วิธีสื่อสารเช่นนั้นไม่เหมาะสม ปัญหาคือ ดำรงสถานะเป็นพระภิกษุก็ต้องอยู่ในพระวินัย อยู่ด้วยความสมถะเรียบร้อย แต่หากเป็นดาราก็อีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้น การนำเสนอธรรมะ หากเห็นว่าเป็นวิธีที่ดีก็ไปให้ดาราทำ ทำเช่นนี้ ทำให้ชาวโลกติเตียน ผิดธรรมวินัยบางเรื่อง

วันที่ 16 พ.ค.2564 นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์กรณีกลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) ออกมาเรียกร้องขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐบาลเสียสละลาออก เนื่องจากล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด – 19 และปฏิรูปการเมือง เปิดทางให้มีการตั้งรัฐบาลสร้างชาติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตนเองไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง ซึ่งไม่ใช่สมาชิกรัฐสภา ซึ่งไม่ได้มีผลอะไร อีกทั้งข้อเรียกร้องเป็นการเรียกร้องตามอำเภอใจที่ตัวเองต้องการ ไม่มีพื้นฐานความเป็นไปได้ทั้งสิ้น ซึ่งไม่รับกับข้อเท็จจริงที่ขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง มีผลงานที่ดีเป็นอันดับต้นๆของโลก ดังนั้นการที่คนกลุ่มหนึ่งมาเรียกร้องก็เรียกร้องไป แต่ไม่มีผลใด เพราะประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯเหมาะสมที่จะทำหน้าที่ในปัจจุบันอยู่แล้ว และในสภาฯทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปดำเนินการตามข้อเรียกร้อง ดังนั้นข้อเรียกร้องจึงเลื่อนลอย นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า เขาเห็นว่าคงได้ประโยชน์จากข้อที่เรียกร้อง แต่ไม่มีสถานะใดที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ไม่มีน้ำหนัก เมื่อเทียบกับประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศและประชาชนที่เลือกพล.อ.ประยุทธ์ 8.4 ล้านคน ยังคงเชื่อมั่นในรัฐบาลและพล.อ.ประยุทธ์ ขณะเดียวกันมีความมั่นใจว่าหากมีการฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวางมากขึ้นจะสามารถแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิดได้ ส่วนปัญหาเศรษฐกิจ นายกฯได้ทุ่มเทแก้ไขปัญหาไปมากพอสมควรแล้ว ทุกอย่างจะไปได้ดี และหากฝ่ายค้านจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามสิทธิ์ที่มีอยู่ก็เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ แต่มั่นใจว่าประชาชนจะสนับสนุนการทำหน้าที่ของพล.อ.ประยุทธ์ ต่อไป

จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่า รัฐสภามีหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้โดยต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงประชามติเสียก่อนว่า ประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่ กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่เสนอให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญญาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ เปิดเผยกับ The Reporters ว่า พอใจมากกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ชัดเจน ซึ่งส่วนตัวตีความว่า ผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีผลทำให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ที่ผ่านวาระที่ 2 ของรัฐสภา ต้องตกไป และการพิจารณาในวาระที่ 3 ก็ตกไป เช่นกัน “จะต้องทำประชามติก่อนที่จะมีการดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องถามตามที่ศาลรัฐธรรมนูญ เขียนไว้ว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และต้องดำเนินการโดยรัฐสภา ที่จะมีหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ใช่ตั้ง ส.ส.ร.” นายไพบูลย์ เห็นว่า เมื่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญระบุเช่นนี้ การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญใน วาระ 1 และ วาระ 2 ของรัฐสภาก็ตกไป เพราะจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ โดยยังไม่มีประชามติ ถือว่าขัดกับรัฐธรรมนูญ นายไพบูลย์ ระบุว่า หากจะทำประชามติ จะต้องให้กฏหมายประชามติผ่านรัฐสภาเสียก่อน ซึ่งจะมีการพิจารณาในวันที่ 17-18 มี.ค.นี้ เมื่อกฏหมายผ่านก็ต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ และถ้าจะต้องจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ […]

ภายหลังศาลอาญาอ่านคำพิพากษาคดี สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. กับพวกรวม 39 คน ฐานร่วมกันเป็นกบฏ และข้อหาอื่น ๆ กรณีชุมนุมขับไล่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ให้ออกจากตำแหน่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไป บุกยึดสถานที่ราชการ ปิดพื้นที่หลายแห่งทั่วกรุงเทพมหานคร (Shutdown Bangkok) โดยเวลาประมาณ 17.20 น.วันที่ 24 ก.พ.64 ศาลมีคำสั่งพิพากษาจำคุกจำเลยสำคัญหลายราย อาทิ สุเทพ เทือกสุบรรณ จำคุก 5 ปี , พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จำคุก 7 ปี , ถาวร เสนเนียม จำคุก 5 ปี , ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ จำคุก 6 ปี 16เดือน เป็นต้น […]

วันที่ 10 ม.ค.64 นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงสิ้นเดือนม.ค.นี้ โดยคาดว่าจะใช้เวลาไว้ 5- 7 วัน ว่า เป็นการรักษาสิทธิ์ของฝ่ายค้านที่จะยื่นได้ปีละครั้ง แต่ไม่หนักใจเพราะประเด็นยังไม่ได้ และรัฐบาลยังไม่มีปัญหาอะไร มีแต่ผลงาน และเป็นเรื่องดีที่จะได้ชี้แจงข้อเท็จจริงของผลงานรวมถึงโต้ตอบฝ่ายค้านในสภา นายไพบูลย์ กล่าว่า หากฝ่ายค้านจะอภิปรายเรื่องโควิด-19 มาโจมตี ต้องไม่ลืมว่ารัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เคยจัดการปัญหาโควิด -19 ได้ดีที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลกและเป็นผลงานที่แข็งที่สุดที่ติดอันดับโลกด้วยซ้ำไปซึ่งถือเป็นจุดแข็งมากๆด้วยซ้ำไป