Categories
ข่าว

มิตรแท้!! จีนบริจาควัคซีนซิโนแวคให้ไทย อีก 1.5 ล้านโดส

เวลา 14.00 น.วันที่ 12 พ.ย.64 ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายหาน จื้อเฉียง (Mr. Han Zhiqiang) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรี แสดงความยินดีกับเอกอัครราชทูตฯในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ พร้อมชื่นชมการทำงานเชิงรุกของเอกอัครราชทูตฯ นับตั้งแต่ได้รับตำแหน่งเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เชื่อมั่นว่าด้วยความสามารถ และประสบการณ์ของเอกอัครราชทูตฯ จะพัฒนาหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างไทย-จีน ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น โดยรัฐบาลไทยพร้อมให้การสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของเอกอัครราชทูตฯ อย่างเต็มที่ โอกาสนี้ ขอบคุณประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อุปทูตและคณะทูตของจีน ที่ทำงานร่วมกับไทยอย่างเต็มศักยภาพตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาดำรงตำแหน่งในไทย ในโอกาสนี้ ขอฝากความปรารถนาดีจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีจีน นายหลี่ เค่อเฉียง ถึงนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตฯ ได้นำเสนอข้อคิดเห็นและทิศทางการดำเนินความร่วมมือระหว่างไทย-จีน ดังนี้ รักษาการติดต่อสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศ ส่งเสริมความร่วมมือเพื่อต่อสู้กับโควิด-19 และด้านเศรษฐกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในโอกาสนี้ รัฐบาลจีนพร้อมบริจาควัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติมอีกจำนวน 1.5 ล้านโดสให้ไทย ร่วมกับเวชภัณฑ์สำหรับการตรวจและผลิตออกซิเจน รวมทั้ง เครื่องวัดออกซิเจน เชื่อมโยงยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศ เพื่อเสถียรภาพและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสองประเทศ ตลอดจน เพิ่มพูนการประสานงานและความร่วมมือระหว่างประเทศ

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ ดังนี้
– ด้านสาธารณสุข นายกรัฐมนตรี ขอบคุณรัฐบาลจีนในการบริจาควัคซีนให้ไทย ซึ่งทั้งสองเห็นพ้องร่วมมือกันในด้านการวิจัย พัฒนาวัคซีนและยารักษาโควิด-19 และการตั้งโรงงานผลิตวัคซีน แบ่งและบรรจุขวดวัคซีนในไทย
– ด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองเห็นพ้องเร่งรัดจัดการประชุมกลไกระดับสูงด้านเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้ง เห็นพ้องส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ทั้งระหว่างข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (BRI) กับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ความเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ระหว่างเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) กับเขตอ่าวกวางตุ้ง – ฮ่องกง – มาเก๊า (GBA) คณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย – จีน (JC เศรษฐกิจ) ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) และโครงการรถไฟไทย-จีน ที่จะช่วยส่งเสริมความเชื่อมโยงและเศรษฐกิจในระดับประเทศและภูมิภาคโดยรวม และในด้านการค้า ขอให้ทั้งสองฝ่ายพิจารณานำ E-Commerce เข้ามาใช้ ตลอดจน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงจุดหมายร่วมกันที่ต้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาความยากจน ซึ่งจีนมีความเชี่ยวชาญ
– ด้านการเดินทางระหว่างกัน ไทยขอให้จีนพิจารณาการฟื้นฟูการเดินทางระหว่างกัน โดยเฉพาะการอนุญาตให้นักศึกษาไทย สามารถเดินทางกลับไปศึกษาต่อที่จีนได้ในเร็ววัน
– ด้านความร่วมมือพหุภาคี นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไทยพร้อมสนับสนุนบทบาทที่สร้างสรรค์และการเป็น “มหาอำนาจที่มีความรับผิดชอบ” ต่อประชาคมโลก และในวาระที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค (APEC) ในปี 2565 ไทยขอรับการสนับสนุนจากจีน เพื่อร่วมกันเสริมสร้างภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่เปิดกว้าง มีพลวัต ยืดหยุ่น สมดุลและยั่งยืน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีหวังว่า จะได้มีโอกาสต้อนรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในโอกาสเดินทางมาเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมฯ

ในตอนท้าย เอกอัครราชทูตฯ ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนการทำงานของอุปทูตจีนเป็นอย่างดีตลอดเวลาที่ผ่านมา เชื่อมั่นว่าการเป็นมิตรแท้ในยามที่จีนต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะส่งผลให้มิตรภาพระหว่างไทย-จีน เพิ่มพูนและใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น