Categories
ข่าว

จับตา!! มวลน้ำก้อนใหญ่ จากชัยภูมิ ไหลเข้าพื้นที่ขอนแก่นอีก เขื่อนอุบลรัตน์ น้ำเกินกักเก็บแล้ว เร่งระบาย

นายเรืองโชค ชัยคำรงค์กุล ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพรม-เชิญ เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของพายุ “คมปาซุ” ที่พาดผ่านเข้ามาในพื้นที่อีกระลอก ทำให้เกิดฝนตกที่เหนือเขื่อนห้วยกุ่มและเขื่อนจุฬาภรณ์ และอ่างน้ำพรม ทำให้การระบายน้ำออกจากพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ระบายน้ำออกมา 32 ล้าน ลบ.ม. เมือวันที่ 17 ต.ค. โดยน้ำดังกล่าวนั้นจะไหลลงมาที่ลำน้ำพรม ซึ่งรับน้ำได้ที่ 80 ลบ.ม.ต่อนาที จากนั้น 18 ต.ค.ได้มีการระบายน้ำอีก 29 ลบ.ม. วันที่19 ต.ค. ระบายน้ำเพิ่มที่ 19 ลบ.ม.และวันที่ 20 ต.ค.มีการระบายน้ำอีก 7 ลบ.ม. รวม4 วันมีการระบายน้ำออกมาประมาณ 90 ลบ.ม.

” มวลน้ำครั้งนี้ เป็นมวลน้ำก้อนใหญ่ ได้เข้าท่วมพื้นที่เกษตรสมบูรณ์ ภูเขียว และบ้านแท่น จ.ชัยภูมิ และมวลน้ำก้อนนี้ได้ไหลมารวมกับน้ำพรมที่ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น และกำลังท่วมในพื้นที่ ต.โนนทอง อ.หนองเรือ ซึ่งการระบายน้ำและมวลน้ำที่เข้ามาในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นนั้น ชลประทานได้ทำหนังสือแจ้งมายังผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้จังหวัดแจ้งมายังอำเภอและกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ต่างๆได้ทราบ เพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบและเก็บสิ่งของขึ้นที่สูง”

นายเรืองโชค เปิดเผยอีกว่า ขณะนี้ที่เขื่อนอุบลรัตน์ มีปริมาณน้ำ เกินความจุการเก็บกักแล้ว 140 ล้าน ลบ.ม. จึงมีการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ เพื่อควบคุมการระบายน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ จาก 15 ล้าน ลบ.ม.เพิ่มเป็น 21 ลบ.ม.และจะระบายเพิ่มเป็น 25 ล้าน ลบ.ม. และถ้าจะเพิ่มการระบายน้ำขึ้นไปอีกก็จะต้องประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งมวลน้ำก้อนนี้จะไหลผ่านไปยัง จ.มหาสารคาม และ จ.ร้อยเอ็ด และประมาณวันที่ 28ต.ค.จะถึงพื้นที่อุบลราชธานี ซึ่งชลประทานได้แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดในแต่ละพื้นที่ได้รับทราบแล้ว

ซึ่งการระบายน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์นั้น จะต้องคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่อยู่ท้ายน้ำ ส่วนการรับน้ำเข้าเขื่อนนั้น เขื่อนอุบลรัตน์ก็ต้องคำนึงถึงความแข็งแรงของเขื่อน ต้องควบคุมปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อน และควบคุมการระบายน้ำ เพราะเขื่อนอุบลรัตน์ต้องดูแลประชาชนในพื้นที่อยู่เหนือเขื่อนคือ อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู ด้วย.