เมื่อเวลา 14 .30 น. วันที่ 22 มิ.ย.64 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้ให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะ เข้าพบที่ห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
โดย นายอนุทิน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ เรียกเข้าพบเพื่อให้มารายงานเรื่องวัคซีน การจัดเตรียมความพร้อมภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ในวันที่ 1 ก.ค. เพื่อจะได้พูดคุยว่า เมื่อนายกฯ มีนโยบาย 120 วันแล้ว จะต้องนำนโยบายดังกล่าวมาจัดเตรียมความพร้อมเพื่อให้นายกฯได้รับข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจเมื่อถึงเวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าจะเดินหน้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ต่อถึงแม้ตัวเลขระบาดจะเพิ่มขึ้นใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ข้อสั่งการคือคำสั่ง เมื่อนายกฯสั่งการก็ต้องหาวิธีทาง หากเปิดเประเทศแล้วมีคนติดเชื้อก็ต้องดูว่ายามีความพร้อมหรือไม่ เตียงมีความพร้อมหรือไม่ หากจัดเตรียมความพร้อมได้ ก็สามารถที่จะประกอบการตัดสินใจ
เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ จะยังไม่ชะลอใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่าคำถามนี้ไม่เกี่ยว คราวนี้ตนมารายงานและเสนอในสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุข ได้นำนโยบายนายกฯไปวางแผนและเตรียมการเพื่อที่จะทำให้นโยบายการเปิดประเทศของนายกฯมีความเป็นไปได้ให้มากที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้หลายฝ่ายต้องการชะลอการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ไปก่อนเนื่องจากเกิดคลัสเตอร์หลายจังหวัดในภาคใต้ทั้ง จ.ยะลา และ จ.สงขลา นายอนุทิน กล่าวว่า คนที่บอกควรชะลอก็ต้องมานั่งฟังความเห็นจากฝ่ายต่างๆ ที่เสนอความเห็นผ่านไปยังศบค. ว่าเหตุผลต่างๆเป็นอย่างไรบ้าง
“ไม่ใช่ว่านายกฯบอกเปิดใน120 วัน แล้วถึงอย่างไรก็ต้องเปิดให้ได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่างนั้นไม่ได้ จะต้องประเมินความเสี่ยง ความคุ้ม ความไม่คุ้มทุกอย่าง ต้องทำอย่างมีเป้าหมาย ไม่ใช่ว่าจะให้นายกฯอยู่เฉยๆโดยไม่ต้องทำอะไรเลย โดยให้โควิดสูญสิ้นไปจนหมดเสียก่อนแล้วค่อยเริ่มทำอะไร ๆ มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะนี้เราก็ปิดมา2-3 เดือนแล้ว ทุกคนก็ทุกข์ใจไม่น้อย”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครจึงออกมาทวงถามเนื่องจากได้รับการจัดสรรวัคซีนจำนวนน้อยมาก นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าโดยใช้คำว่าดราม่า ดราม่าก็คือดราม่า เรื่องการจัดสรรวัคซีนตนพูดอยู่ทุกวัน การจัดสรรวัคซีนส่งไปตามสูตรการกระจาย และเป็นข้อตกลงของศบค.และหน่วยงานต่างๆ กับกรมควบคุมโรค ทุกอย่างเป็นไปตามระบบ และ การฉีดวัคซีนทุกคนก็เห็นว่าฉีดได้วันละถึง 3 แสนคน ประสิทธิภาพการฉีดวัคซีนก็มีและยังมีการจัดส่งอยู่ทุกสัปดาห์
เมื่อมีสายพันธุ์อินเดียก็มีนักวิชาการ อาจารย์แพทย์ที่ดูแลนโยบายวัคซีนก็กำลังศึกษาว่าควรจะมีการฉีดกระตุ้นหรือไม่ หรือ จะฉีดผสมต่างยี่ห้อได้หรือไม่ เหล่านี้กำลังศึกษาอยู่ ซึ่งเราก็ต้องมีความพร้อมในการจัดซื้อจัดหามาให้ทันเวลาและเพียงพอต่อประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่วิจารณ์ราคาวัคซีนระหว่างซิโนแวค ที่ซื้อในราคาแพงกว่าแอสตร้าเซเนก้า นายอนุทิน กล่าวว่า “ตอนนี้ ถ้าไม่ซื้อซิโนแวค วัคซีนที่พร้อมจะส่งให้ทุกเดือนตั้งแต่เดือนมี.ค.เป็นต้นมา ทั้งที่ซิโนแวค เราสั่งไว้ตั้งแต่เดือนธ.ค. 63 ที่ผ่านมา เขาก็เริ่มส่งตั้งแต่มี.ค.เป็นต้นมา จนถึงทุกวันนี้เขาก็ส่งให้เราอยู่เพราะเราเป็นลูกค้าที่ดี โดยเป็นการซื้อโดยตรงไม่ผ่านใคร
เป็นวัคซีนที่เขาสามารถกัน จำนวนการผลิตให้กับประเทศไทยได้ อย่างกรณีวัคซีนไฟเซอร์ ที่เซ็นต์สัญญาไปตอนแรกก็บอกคิว 3 แต่เมื่อถึงเวลาจริงก็บอกคิว4 แล้วอย่างนี้เราจะรอไหวหรือในสถานการณ์ระบาดขนาดนี้ อย่างน้อยวัคซีนที่มานี้ ก็ต้องย้ำกันว่าไม่มีวัคซีนใดในโลกที่จะป้องกันการติดเชื้อได้ 100% แต่ป้องกันการเสียชีวิตกับกาารมีอาการหนักได้ 100% จึงมีความตั้งใจที่จะฉีดให้คนทุกคนในประเทศไทย ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขต้องจัดหาวัคซีนให้มาให้ได้ ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีนักวิชาการที่ยังต้องการให้รัฐบาลอธิบายให้ได้ว่าทำไมซื้อซิโนแวคในราคาที่แพงกว่าแอสตร้าเซเนก้า นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนที่แอสตร้าเซเนก้ามาขาย เขาก็ว่าใช้นโยบายซีเอสอาร์ โนโพรฟิตโนลอส (ไม่ได้กำไรและไม่ขาดทุน) และมาผลิตอยู่ในประเทศไทย ค่าใช้จ่ายต่าง จึงถูกลงแน่นอน และวัคซีนทั่วไปที่ซื้ออยู่ ก็ซื้อตามราคาตลาด ไม่ได้ซื้อแพงกว่าคนอื่นไปดูได้เขาขายประเทศไทยเท่านี้แล้วขายประเทศอื่นถูกกว่า5 เท่าอย่างที่กล่าวหาหรือไม่ ยี่ห้ออื่นๆตั้งเท่าไหร่แล้วเรามีความจำเป็นต้องใช้หรือเปล่า ถ้าเรามีความจำเป็นต้องใช้เราก็ต้องซื้อ ทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมาย ภายใต้ระเบียบอยู่แล้ว เราไม่ได้ซื้อผ่านผู้ค้าคนกลางที่ไหนเลย ในการซื้อสถานฑูต ก็รู้ รัฐบาลก็รู้ และการซื้อซิโนแวครัฐบาลต้นทาง คือ จีนเขาก็ต้องอนุมัติการส่งออกทุกครั้ง ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ไม่มีใครทำผิดกฎหมาย
เมื่อถามว่าแสดงว่าบริษัทเป็นผู้กำหนดราคา นายอนุทิน กล่าวว่า ผู้ขายเป็นคนกำหนด เพราะถ้าผู้ซื้อกำหนดได้ก็ดี และตอนแรกที่เสนอมาก็ไม่ใช่ราคานี้ ต่อแล้วต่ออีก ต่อแม้กระทั่งให้รวมค่าขนส่งด้วย ทุกอย่างมีการต่อรองตลอด แต่ปัญหาก็คือว่าจะเอาหรือไม่ในเมื่อตอนนี้เราต้องใช้ ตอนนี้เราซื้อ 15 เหรียญต่อโดส และ ถ้าสถานการณ์อย่างนี้ต่อให้เขาขาย30เหรียญต่อโดส เผลอๆ เราก็ต้องซื้อ แต่เขาก็ไม่ได้เพิ่มราคา ทุกคนมองว่านี้คือเรื่องจำเป็นของโลก เขาก็ไม่ได้เอารัดเอาเปรียบในเชิงพาณิชย์มากนัก
เมื่อถามถึงกรณีอาจจะต้องฉีดซิโนแวคเข็ม 3 นายอนุทิน กล่าวว่า ตรงนั้นเป็นเรื่องของวิชาการ ตนทำทุกอย่างในฐานะเป็นผู้สนับสนุนเป็นผู้ทำให้เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการใช้วัคซีนยี่ห้อใด ใช้เท่าไหร่ ใช้อย่างไร ฉีดผสมได้หรือไม่ก็มีคณะกรรมการวิชาการทางการแพทย์จะเป็นคนบอก รัฐมนตรีสาธารณสุขก็ทำตามคำแนะนำนั้น