เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 5 เมษายน ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ประกาศชุมนุมต่อเนื่อง ว่ากองทัพบกมีระเบียบวินัยสำหรับกำลังพล โดยกองทัพบกได้ออกคำสั่งที่ 388/2563 ที่กำหนดไว้ว่า กำลังพลสามารถทำอะไรได้หรือไม่ได้บ้าง รวมถึงการโพสต์ข้อความตามโซเชียลต่างๆ เรามีข้อห้ามชัดเจนและหากกำลังพลกระทำผิด กองทัพบกก็ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน หากพบว่ามีความผิดก็ต้องได้รับโทษ หากเป็นความผิดทางวินัยก็ดำเนินการตามขั้นตอน แต่ถ้าไปเกี่ยวข้องกับคดีอาญาก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะนี้ทหารทำได้เพียงการติดตามข้อมูลข่าวสารการชุมนุมเท่านั้น ยืนยันว่าการชุมนุมเป็นสิทธิของประชาชนที่สามารถทำได้ หากไม่ขัดต่อกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมากรมกำลังพลทหารบกได้ออกคำสั่งได้ออกข้อควรปฏิบัติและข้อไม่ควรปฏิบัติของกำลังพลสังกัดกองทัพบก โดยอ้างอิงจาก 1.ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยข้าราชการกลาโหมกับการเมือง พ.ศ.2499 2.คําสั่งกองทัพบกที่ 388/2563 ลง 9 ก.ย.2563 เรื่องแนวทางการดำเนินการต่อกำลังพลที่กระทำผิดและหากผู้ใดฝ่าฝืนข้อบังคับกระทรวงกลาโหมและคำสั่งกองทัพบกถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาทหาร มาตรา 33, 11 และ 32 ตามแต่กรณี
ทั้งนี้ กองทัพบกได้ทำโปสเตอร์ติดภายในพื้นที่กองบัญชาการกองทัพบก โดยระบุ สิ่งที่กำลังพลสามารถทำได้ดังนี้
1.การสมัครเข้าเป็นสมาชิกในพรรคการเมืองใดต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงผู้บัญชาการทหารบกทราบ
2.การเข้าร่วมประชุมทางการเมืองในฐานะส่วนตัวได้ แต่ต้องไม่สวมเครื่องแบบและไม่ใช่ในเวลาราชการ
3.ปฏิบัติราชการในหน้าที่ด้วยการวางตนเป็นกลาง โดยไม่มุ่งหวังประโยชน์ของพรรคการเมืองใดโดยเฉพาะ แต่ทั้งนี้ ต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล
4.ลงคะแนนเสียง/แสดงความคิดเห็นส่วนตัวต่อผู้ลงสมัครได้
5.การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองสามารถกระทำได้โดยไม่แต่งเครื่องแบบและไม่ใช้เวลาราชการ ทั้งนี้ ในการเข้าร่วมประชุมในที่สาธารณะนั้นต้องเป็นไปอย่างสงบ
ส่วนสิ่งที่กำลังพลไม่สามารถกระทำได้มีดังนี้
1.ไม่กระทำการใดๆ อันมีลักษณะพาดพิง ส่อเสียด ล้อเลียน สถาบัน รัฐบาล และผู้บังคับบัญชา
2.ไม่แต่งเครื่องแบบหรือชุดอื่นใดรวมถึงใช้ตราสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความเป็นทหารเข้าร่วมประชุมกับพรรคการเมืองหรือไปร่วมชุมนุมในที่สาธารณะอันเป็นการประชุมที่มีลักษณะทางการเมือง
3.ไม่ประดับเครื่องหมายหรือแต่งเครื่องแบบของพรรคการเมืองเข้าไปในสถานที่ราชการ
4.ไม่บังคับผู้อยู่ในบังคับบัญชา ทั้งโดยตรงหรือโดยปริยายให้เป็นสมาชิกในพรรคการเมืองใดและไม่กระทำการในทางให้คุณหรือให้โทษ
5.ไม่แทรกแซงในทางการเมืองหรือใช้การเมืองเป็นเครื่องมือเพื่อการทำกิจการต่างๆ
6.ไม่แสดงออกโดยตรงหรือโดยปริยายที่จะเป็นการช่วยเหลือสนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้งในระยะเวลาที่มีการสมัครรับเลือกตั้ง
7.ไม่โพสต์ข้อความทางการเมืองในเวลาราชการในสถานที่ราชการหรือใช้คอมพิวเตอร์ของราชการรวมถึงห้ามใช้ account ของราชการร่วมกิจกรรมทางการเมืองบนสื่อสังคมออนไลน์