วันที่ 22 ธ.ค.62 นายทวี ไกรคุปต์ พ่อของ เอ๋ ปารีณา ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จ.ราชบุรี ตั้งโต๊ะแถลงข่าว หลังถูกสังคมวิจารณ์ ขับรถเบนซ์ชนเด็กอายุ16ปีแล้ว หลบหนี ยืนยัน เรื่องทั้งหมดไม่เป็นความจริง คลิปที่เห็นทั้งหมดเป็นการตัดต่อ
โลกออนไลน์ ไม่ให้ความเป็นธรรม ถ้าหากตนทำแบบที่กล่าวหากันจริง ขอยอมเอาหน้าซุกแผ่นดินหนีดีกว่า ที่ผ่านมาทำแต่ความดีต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ น้อยใจสื่อมวลชนไม่สอบถามก่อน
นายทวี เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถออกมาจากบ้านเพื่อจะไปซื้อของในตลาดเทศบาลเมืองโพธาราม เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นสี่แยก ได้ชะลอรถมองซ้ายขวาแล้ว ไม่มีรถจึงตัดสินใจขับรถข้ามไป แต่จู่ๆก็มีรถจักรยานยนต์วิ่งมา ทำให้ช่วงหน้ารถเบนซ์ไปเฉี่ยวที่บริเวณท้ายรถจักรยานยนต์ ทำให้รถเสียหลักและคนเจ็บกระเด็นไปพร้อมรถประมาณ 15 เมตร แต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวนั้นเป็นทางแยก ทำให้ไม่กล้าที่จะจอดรถลงไปดูคนเจ็บ เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
“มองไปเห็นว่าคนเจ็บไม่เป็นอะไรมาก จึงตัดสินใจขับรถไปข้างหน้าเพื่อจะกลับรถมาดูคนเจ็บ และเมื่อกลับมาก็สอบถามคนเจ็บแล้วว่าเป็นอะไรมากไหม และพยายามจะพาไปโรงพยาบาล แต่เด็กก็อ้างว่าต้องรอแม่ และเห็นว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังทำแผลให้เด็ก โดยพบว่าผ้าพันแผลและอุปกรณ์นั้นไม่สะอาด จึงพยายามจะพาเด็กไปโรงพยาบาลเพราะกลัวติดเชื้อจากอุปกรณ์ปฐมพยาบาล แต่เด็กก็ยังไม่ไป จึงขึ้นมานั่งรอในรถ และเห็นว่ามีรถคันหนึ่งออกรถไป จึงได้ขับรถตามเพราะคิดว่าคนเจ็บอยู่ในรถ แต่รถคันดังกล่าวนั้นกลับไม่ยอมไป จึงบีบแตรไล่เพื่อจะให้ไปโรงพยาบาล จนมาทราบว่าคนเจ็บนั้นไม่ได้อยู่ในรถคันดังกล่าว และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจึงได้สอบถามหาร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อจะนำไปซ่อม โดยยืนยันว่าไม่ได้คิดจะหลบหนี” นายทวี กล่าว
นายทวี กล่าวอีกว่า ตอนนี้ก็ได้ดูแล ทั้งเรื่องของการซ่อมรถ และค่าทำขวัญให้กับเด็กไปแล้ว และตนเองก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจปรับไปแล้วเป็นจำนวนเงิน 500 บาท ในข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ แต่กลับถูกสังคมโจมตีทั้งที่ไม่เป็นความจริง จึงอยากขอความเป็นธรรม วอนสังคมหยุดให้ร้ายเพราะเป็นทวี จึงถูกสังคมโซเซียลนรก โซเซียลบัดซบโจมตี ทำให้ได้รับความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียง ทำให้สังคมไทยวิบัติ
“หลังจากนี้จะรวบรวมหลักฐานเพื่อเดินทางไปที่กองปราบ เพื่อจะไปแจ้งความกับผู้ที่ปล่อยคลิป แต่สื่อที่นำเสนอข่าวนั้นไม่ได้คิดจะฟ้องร้องอะไร เพราะเชื่อว่าทำตามหน้าที่ และยอมรับว่ายังไม่ได้ดูคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทางทีมงานของตนนั้นดูแล้ว และยืนยันว่าคลิปนั้นมีการตัดต่อ จึงต้องเอาผิดกับคนที่ปล่อยคลิป” นายทวีกล่าว