Tag: ธวัชบุรี

เมื่อวันที่ 17 ก.พ 2563 เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ธวัชุบรี จ.ร้อยเอ็ด ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้กุฏิ ภายในวัดบ้านหัวบ่อ ม.2 ต.หนองไผ่ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด จึงออกตรวจสอบพร้อม อาสาสมัครกู้ภัยตำรวจทางหลวง อ.ธวัชบุรี รถดับเพลิง 5 คัน จากอบต.หนองไผ่ อบต.นิเวศน์ อบต.บ้านนิเวศน์ อบต.ราชธานี อบต.อุ่มเม้า ถึงจุดเกิดเหตุพบเพลิงกำลังลุกไหม้กุฏิไม้ชั้นเดียวอย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่จึงระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมเพลิงอยู่ในวงจำกัดไม่ให้ลุกลาม ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้นพบกุฏิไม้ชั้นเดียวพังเสียหายทั้งหลัง ทีวี และเครื่องใช้ไฟฟ้าพังเสียหายทั้งหมด โดยเฉพาะตู้เย็นพังเสียหายแบบสิ้นซาก จากการสอบถามพระที่จำวัดภายในกุฏิเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ยินเสียคล้ายระเบิดดังขึ้นที่ตู้เย็น ก่อนจะมีเปลวเพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ตนรีบไปถอดปลั้กแต่ก็ไม่ทัน จึงได้ร้องเรียกพระที่อยํ่ภายในวัดและชาวบ้านในระแวกใกล้เคียงช่วยดับไฟ แต่เพลิงได้โหมลุกไหม้อย่างแรง จึงได้แระวานเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าให้การช่วยเหลือดังกล่าว เบื้องต้นจะได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุในการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ต่อไป ขอบคุณภาพ ห่วยกู้ภัยทางหลวงร้อยเอ็ด จุดบริการธวัชบุรี

เมื่อวันที่ 14 ก.พ.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ธวัชบุรี ได้รับแจ้งเหตุ สถาปัตยกรรมทรงพญานาคพังถล่ม ภายในอ่างเก็บน้ำธวัชชัย ต.มะอึ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย จึงออกตรวจสอบพร้อม หน่วยกู้ชีพ รพ.ธวัชุบรีและหน่วยกู้ชีพ อปท.ที่อยู่ใกล้เคียง ถึงจุดเกิดเหตุเป็นสิ่งก่อสร้างรูปพญานาค สูงกว่า 30 เมตรส่วนหัวของพญานาคถึงลำตัวส่วนกลางได้พังถล่มลงมา ตรวจสอบพบผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย เจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือเคลื่อนย้ายนำส่งโรงพยาบาลร้อยเอ็ด จากการสอบถามนายณัฐกิต อาจอารัญ อายุ 25 ปี คนงานก่อสร้างเล่าว่า ในขณะนั้นตนและคนงานประมาณ 8 คน ได้ทำงานก่อสร้างอยู่บนยอดขององค์พญานาคตามปกติ ได้เกิดกระแสลมกระโชกแรง ในระหว่างนั้นตนได้ยินเสียงคล้ายไม้หักก่อนที่โครงสร้างจะพังถล่มลงมา ตนและเพื่อนได้วิ่งหนีตายเพื่อเอาชีวิตรอด เคราะห์ดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิต เบื้องต้นพนนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เพื่อเก็บหลักฐานและสอบสวนพยานผู้อยู่ในเหตุการณ์ ก่อนจะเรียกตัวผู้ควบคุมงานก่อสร้างมาสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงในการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ต่อไป

ปรางค์กู่ โบราณสถาน 1000 ปี “ปรางค์กู่ปราสาทขอม กำแพงพร้อมซุ้มประตู หนึ่งพันปีที่คงอยู่ โปรดจงดูแลช่วยกัน” พิธีสรงกู่จะจัดขึ้นในวันที่ 6-7 เมษายน 2563 ที่จะถึงนี้ มาเที่ยวมากราบไหว้ ขอพรกันเยอะๆเด้อ ประวัติปรางค์กู่ ปรางค์กู่ สร้างในสมัยพระชัยวรมันที่7 กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชอาณาจักรขอม ในราวศตวรรษที่ 17-18 (ระหว่าง พ.ศ. 1724-1762) ปรางค์กู่ คือ กลุ่มอาคารที่มีลักษณะแบบเดียวกับอาคารที่เชื่อกันว่าเป็น อโรคยาศาล (โรงพยาบาล) ตามที่ปรากฏในจารึกประวัติศาสตร์ตามพรหม ซึ่งประกอบด้วย ปรางค์ประธาน บรรณาลัย กำแพงสี่เหลี่ยม พร้อมซุ้มประตู (โคปุระ) สระน้ำนอกกำแพง(บาราย) เป็นสถาปัตยกรรมแบบปาปวน ในลัทธิไสวนิกาย ศาสนาพราหมณ์ เมื่อ พ.ศ. 2476 ชาวบ้านในอัญเชิญพระพุทธรูปมาประดิษฐานไว้ภายในปรางค์ประธาน เพื่อให้ประชนได้มากราบไหว้สักการบูชา ได้ยึดถือเอาวันที่ 15 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี เป็นวันประกอบพิธีสรงกู่ตั้งแต่สมัยนั้นเป็นต้นมา ภาพและข้อมูล : นางสาวฉัตรกนก […]

เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2563 เวลา 09.00 น. นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ประเพณีบุญกุ้มข้าวใหญ่อำเภอธวัชบุรี” ประจำปี 2563 ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอธวัชบุรี โดยมีนายชรินทร์ ภู่ชัย นายอำเภอธวัชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักเรียน และประชาชนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก นายชรินทร์ ภู่ชัย นายอำเภอธวัชบุรี กล่าวว่า “บุญกุ้มข้าวใหญ่” หรือบุญคูณลาน เป็นบุญประเพณีของชาวอีสาน ที่แสดงให้เห็นจิตวิญญาณของชุมชน ที่ดำรงอยู่ด้วยวิถีเกษตรกรรมมาช้านาน ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน ด้วยสำนึกในบุญคุณของข้าวที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนทุกคน โดยมีการทำพิธีพราหมณ์บายศรีสู่ขวัญข้าวทุกปี เพราะชาวอีสานเชื่อว่าพระแม่โพสพมีอำนาจที่จะสามารถดลบันดาลให้ข้าวเจริญงอกงาม นำความอุดมสมบูรณ์มาให้ชาวนาที่บูชาเทวีแห่งข้าว ในสมัยต่อมานิยมทำกันเมื่อเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว โดยนำข้าวมากองไว้กลางลานนวด แล้วทำพิธีบายศรีสู่ขวัญข้าว หรือเมื่อนวดข้าวเสร็จจะได้ข้าวเปลือกกองใหญ่กลางลานนวด ชาวอีสานเรียกกองข้าวเปลือกใหญ่ว่า กุ้มข้าวใหญ่ และจะทำพิธีพราหมณ์ตามประเพณีปฏิบัติของบรรพชนเรียกว่า “พิธีรับขวัญข้าว” เพราะถือคติความเชื่อว่า ขณะที่เราทำนาเกี่ยวข้าวและนวดข้าว เราใช้เท้าเหยียบย่ำข้าว จึงมีความจำเป็นที่จะต้องร่วมทำพิธีบูชาพระแม่โพสพเพื่อขอขมาจะได้เป็นสิริมงคลต่อตนเองและครอบครัวให้มีแต่ความผาสุก อำเภอธวัชบุรี จึงได้จัดให้มีงานประเพณีบุญกุ้มข้าวใหญ่ ประจำปี 2563 […]

เมื่อวันที่ 8 พ.ย.62 จากกรณีมีผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งได้โพสภาพพร้อมกับข้อความว่า “ร้อยเอ็ดอำเภอธวัชบุรี เส้นบ้านตะโมมทางจะไปบ้านหนองดินแดง เลิกงาน 2ทุ่มกลับจะบ้าน. มีคนขึงรวดเรากลางถนนเลย. เราขี่80 ลวดขาดไม่น่าจะเส้นใหญ่ ดีนะใส่เสื้อแขนยาวที่ปกเลยคอ ไม่งั้นเกือบคอขาดแน่ๆ ถ้าเราขี่ช้า รถล้ม100% แน่นอน ต่อจากนั้นจะเกิดอะไรเกิดกับตัวเองยังคิดสภาพไม่ออกเลย ระวังแน่เด้อ ผู้หญิงชอบขี่รถตอนกลางคืนเส้นนั้น. ว่าจะไม่โพสแล้ว. กลัวคนเจอแบบเรา หรือจะหนักกว่าเราก็ได้. #ข่อยแฮงลูกสาวเดียวอยู่คนมีพ่อมีแม่เด้ออย่าส่ะมาเฮ็ดกันแบบนี้” สอบถามชาวบ้านทราบว่า น่าจะเกิดจากกลุ่มวัยรุ่นที่มีความคึกคะนอง ต้องการแกล้งกลุ่มวัยรุ่นด้วยกัน จึงได้ลงมือทำ จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งมีร่องรอยของเส้นลวดเข้าที่บริเวณคอพอดี โชคดีที่ไม่เสียชีวิตหรือคอขาด เนื่องจากเป็นเส้นทางในหมู่บ้าน จึงใช้ความเร็วมากไม่ค่อยได้ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับตัวคนก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 22 ต.ค.62 เกิดเหตุไฟไหม้บ้านภายในชุมชนบ้านเมืองน้อย อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด วอดเสียหายถึง 2 หลัง นี่เป็นภาพขณะเพลิงกำลังโหมลุกไหม้บ้านไม้ 2 ชั้น ลักษณะครึ่งปูนครึ่งไม้ ซึ่งปลูกติดกันหลายหลัง ภายในชุมชนบ้านเมืองน้อย อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถน้ำจำนวนกว่า 6 คัน เร่งฉีดสกัดเพลิง แต่ด้วยที่เกิดเหตุเป็นซอยค่อนข้างแคบ เจ้าหน้าที่ต้องใช้วิธีลากสายดับเพลิงเข้าไป ทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็ว บ้านถูกไฟไหม้วอดเสียหายถึง 2 หลัง ทรัพย์สินภายในบ้านเสียหายทั้งหมด ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากบ้านหลังแรกมีเพียงเจ้าของบ้านคือ นางบังอร คนองมาก 63 ปี และหลานอาศัยอยู่บริเวณชั้นล่าง ส่วนบ้านหลังที่ 2 ถูกปิดไว้เนื่องจากเจ้าของบ้านไปทำงานต่างจังหวัด สอบถามนางกัญญารัตน์ จันทร์แจ้ง นางสาวผู้เสียหายเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ยินเสียงคล้ายประทัดดังขึ้น 2-3 ครั้ง จู่ ๆ ก็เห็นแสงเพลิงกำลังลุกไหม้จากบนชั้น 2 ของบ้านหลังต้นเพลิง ตนจึงร้องตะโกนให้ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นช่วยกันฉีดน้ำสกัด แต่ไม่เป็นผล ก่อนที่ไฟจะลุกลามไปยังหลังที่ […]

วันที่ 15 ตุลาคม 2562 เวลา 9.30 น. นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด มอบหมายให้นายเลิศบุศย์ กองทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ออกตรวจเยี่ยมพี่น้องประชาชนที่ประสบสาธารณภัย จำนวน 2 ครัวเรือน กรณีบ้านพักหรือที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลังหรือได้รับความเสียหายมากจากอุทกภัยหรือวาตภัย กรณีพายุโพดุลและคาจิกิพัดผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือและจังหวัดร้อยเอ็ด ณ ตำบลนิเวศน์ อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมบ้านของนางอุไร สักขวา บ้านเลขที่ 82 หมู่ที่ 2 ตำบลนิเวศน์อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีผู้อยู่อาศัยจำนวน 3 คน บ้านอยู่ในที่ดินกรรมสิทธิ์เกิดภัยพิบัติดังกล่าวเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2562 โดยทางเทศบาลตำบลนิเวศน์ได้ประเมินความเสียหายของตัวบ้าน ประมาณ 86,400 บาท โดยเทศบาลบ้านนิเวศน์ จะให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยในอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 36,000 บาท (โดยแบ่งเป็นค่าซ่อมแซมบ้าน 33,000 บาทและค่าดำรงชีพจำนวน 3,000 บาท) และขอรับความช่วยเหลือจาก กชภจ.จังหวัดร้อยเอ็ดในส่วนที่เหลือ และได้ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ นางลำดวน […]